หัวใจผู้สูงอายุจะทำงานหนักขึ้นในช่วงฤดูหนาว
กรมการแพทย์ แนะผู้สูงอายุควรดูแลสุขภาพในช่วงปลายฝนต้นหนาว
อาจเจอโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมองได้
เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงและเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่จะเริ่มเย็นลง คือการดูแลสุขภาพและสังเกตความผิดปกติของร่างกาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะอากาศที่หนาวเย็นมากจะมีผลให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เพราะเลือดมีความหนืดขึ้น ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เพื่อสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย โดยอุณหภูมิที่ลดลง 1 องศาเซลเซียส จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจเฉียบพลัน ได้ถึงร้อยละ 2
ทั้งนี้เมื่อถึงฤดูหนาว ผู้ที่เป็นโรคประจำตัว โดยเฉพาะ 3 โรคได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษด้วยการดูแลร่างกายให้อบอุ่น
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ผู้สูงอายุ สามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้เบื้องต้น โดยการรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ สวมใส่เสื้อผ้าที่มีความหนาเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศเย็น ออกกำลังกายเป็นประจำ เคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ เพื่อช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย รับประทานให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำอุ่นวันละ 6-8 แก้ว และนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอประมาณวันละ 7-9 ชั่วโมง และหากที่ผู้สูงอายุต้องการเดินทางไปเที่ยวพักผ่อนร่วมกับครอบครัวในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น ควรเตรียมความพร้อมของร่างกาย ยาประจำที่ใช้ และยาที่จำเป็นให้พร้อมก่อนออกเดินทาง
ผู้สูงอายุจึงควรดูแลรักษาให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่รับประทานอาหารรสจัด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควรปรึกษาแพทย์เมื่อรู้สึกว่ามีอาการรุนแรงขึ้น เช่น บวม รู้สึกเหนื่อยง่าย หรือเจ็บแน่นหน้าอก
อย่างไรก็ตามลูกหลานมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ เพื่อให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ยิ่งไปกว่านั้นการดูแลเอาใจใส่ของลูกหลานยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
ที่มา : กรมการแพทย์